วันจันทร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2552

ตัวอย่างข้อสอบทรัพย์สิน

โจทย์ นายปัญญา ตกลงทำสัญญาขายที่ดินมีโฉนดของตนให้แก่ นายมยุรา โดยมิได้จดทะเบียน แต่ได้ชำระราคาและส่งมอบที่ดินกันเรียบร้อยแล้ว ต่อมาเมื่อนางมยุรา ได้ทำประโยชน์อยู่ในที่ดินนั้นมาเป็นเวลา 8 ปี นายปัญญาเห็นว่าชื่อในโฉนดยังเป็นของตน จึงจดทะเบียนยกที่ดินแปลงนี้ให้แก่ นายเพทาย บุตรชาย โดยที่ นายเพทาย ก็รู้ดีว่า นายปัญญาได้ขายที่ดินแปลงนี้ให้แก่นางมยุราไปแล้ว เมื่อ 8 ปีก่อน เช่นนี้ นายเพทาย มาขับไล่ นางอยุรา นางมยุราจำต้องออกไปจากที่ดินแปลงนี้หรือไม่ กรณ๊จะเป็นเช่นไรหาก นายปัญญาถึงแก่ความตาย และมีทายาทเพียงคนเดียวคือ นายเพทาย แต่ นายเพทาย ยังไม่ได้ขอเปลี่ยนแปลงชื่อในโฉนดจาก นายปัญญา เป็น นายเพทาย เช่นนี้ หาก นายเพทาย มาขับไล่นางมยุรา นางมยุรา จำต้องออกไปจากที่ดินแปลงนี้หรือไม่ เพราะเหตุใด
กรณีตามปัญหา ประมาวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ วางหลักไว้ว่า
ม.456 วรรค 1
ม.1299 วรรค 1
ม.1299 วรรค 2
ม.1367
ม.1377
ม.1378
ม.1336
ม.1382
ข้อเท็จจริงตามปัญหา การที่ นายปัญญา ทำสัญญาขายที่ดินมีโฉนดของตนให้แก่ นางมยุรา โดยมิได้จดทะเบียน แต่ได้ชำระราคาและส่งมอบที่ดินกันเรียบร้อยแล้ว และนางมยุราก็ได้ทำประโยชน์ในที่ดินนั้นมาเป็นเวลา 8 ปี ข้อเท็จจริงนี้พิเคราะห์ได้ว่า คู่กรณีมิได้มีเจตนาจะไปทำการจดทะเบียนโปนกรรมสิทธิ์ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ สัญญาซื้อขายที่ดินนี้จึงเป็นสัญญาซื้อขายเสร็จเด็ดขาด เมื่อไม่ทำเป็นหนังสือ และจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ผลจึงเป็นโมฆะตาม ม.456 วรรคแรก นางมยุรา จึงไม่มีบุคคลสิทธิใดที่จะกล่าวอ้างกับนายปัญญาได้ และเมือมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ก็มีผลทำให้ ไม่บริบูรณ์เป็นทรัพยสิทธิ์ คือไม่ได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ตามหลักกฎหมายลักษณะทรัพย์ ตามมาตรา 1299 วรรค 1 แต่ประเด็นข้อเท็จจริงปรากฎว่านายปัญญา ได้ส่งมอบที่ดินแปลงนี้ให้กับนางมยุราแล้ว การส่งมอบที่ดินนี้ เป็นเจตนาที่ผู้ครอบครองสละเจตนาครอบครองไม่ยึดถือทรัพย์สินไว้ สิทธิครอบครองของนายปัญญา ก็สิ้นสุดลง ตาม ปพพ. มาตรา 1377 และการส่งมอบที่ดิน ก็เป็นการโอนไปซึ่งสิทธิครอบครอง ตาม ปพพ. 1378 ประกอบกับนางมยุรา ก็รับมอบที่ดินไว้ และได้เข้าทำประโยชน์ นางมยุรามีเจตนายึดถือไว้เพื่อตน นางมยุรา ย่อมได้สิทธิครอบครองตามมาตรา 1367 นางมยุรา จึงมีทรัพยสิทธิ จะกล่าวอ้างกับคนทั่วไปในสิทธิครอบครองนี้ ซึ่งการได้มาโดยอสังหาริมทรัพย์โดยทางนิติกรรมอันเป็นโมฆะ หากได้ครอบครองและเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเป็นเวลา 10 ปี ผู้ครอบครองย่อมได้กรรมสิทธิ ตาม ปพพ. มาตรา 1382 แต่ข้อเท็จจริงนี้ นางมยุรา ครอบครอง เพียง 8 ปี นางมยุรา จึงยังไม่ได้กรรมสิทธิ์ ดังนั้น กรรมสิทธิ์ ในที่ดินแปลงนี้ยังคงเป็นของ นายปัญญา นายปัญญาจึงมีสิทธิจัดการทรัพย์สินของตนเองได้ตาม ปพพ. มาตรา 1336 จากข้อเท็จจริง นายปัญญา ได้ทำนิติกรรมจดทะเบียนยกที่ดินแปลงนี้ให้ นายเพทาย ถึงแม้ว่าเพทาย จะรู้ว่า นายปัญญาได้ขายที่ดินแปลงนี้ให้นางมยุราไปแล้ว เป็นการไม่สุจริต นางมยุรา ก็ไม่มีสิทธิใดจะกล่าวอ้างได้ เพราะสิทธิครอบครอง ไม่อาจใช้ต่อสู้กับเจ้าของที่แท้จริงซึ่งมีสิทธิดีกว่าได้ ดังนั้น นายเพทาย จึงเป็นผู้ได้มา ซึ่งกรรมสิทธิ ในอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งบริบูรณ์ในทรัพยสิทธิ ตามมาตรา 1299 วรรค 1 นายเพาทาย จึงมีสิทธิจัดการทรัพย์สินของตนเองตามมาตรา 1366 นายเพทาย จึงมีสิทธิขัดขวางขับไล่ไม่ให้นางมยุรา สอดเข้ามาเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินโดยมิชอบด้วยกฎหมาย นางมยุราจึงจำต้องออกจากที่ดินแปลงนี้
กรณีจะเป็นเช่นไร....... นายปัญญา ถึงแก่ความตาย ทรัพย์มรดก ก็ต้องตกทอดสู่ทายาท นายเพทาย จึงเป็นผู้ได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์โดยทางอื่นนอกจากนิติกรรม แม้ยังไม่ได้จดทะเบียน ก็ได้มาซึ่งทรัพยสิทธิแล้ว แต่จะเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนไม่ได้ และห้ามมิให้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอก ผู้กระทำการโดยสุจริต และเสียค่าตอบแทน และได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้ว ตาม ปพพ. ม.1299 วรรค 2 จากข้อเท็จจริงนี้ นางมยุรา ซื้อที่ดินเสียค่าตอบแทน แต่มิได้จดทะเบียน นายเพทาย จึงยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้นางมยุราได้ เมื่อนายเพทาย เป็นผู้มีทรัพยสิทธิ นายเพทายจึงมีสิทธิจัดการทรัพย์สินของตนเองตามมาตรา 1336 จึงมีสิทธิขัดขวางขับไล่นางมยุราออกจากที่ดิน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น